1... นายพระนายพูดถูกที่ว่าในพระไตรปิฎก
พระธรรมวินัย นี้
พระสงฆ์ คือ สาวกที่เป็นอรหันต์ และอรหันต์โพธิสัตว์ สามารถกลับนิพพานบ้านเดิมของตัวเองได้แล้ว แต่ที่ต้องช่วยนำจิตสังขารอื่นกลับนิพพานด้วย เนื่องจากพวกเราเป็นพี่น้องกัน หมายความว่าพวกเราทุกจิตล้วนเป็นอณูหนึ่งๆขององค์พระผู้เป็นเจ้า, พุทธะ ที่เป็นพระบิดา + พุทธะ ที่เป็นมารดา(ตถาคต)
หลักฐานในพระไตรปิฎกว่า พระพุทธเจ้าเป็นแม่ พวกเราเป็นลูก
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนวาเสฏฐะและภารทวาชะ เธอทั้งหลายแล มีชาติเกิดต่างกัน มีชื่อต่างกัน มีโคตรต่างกัน ออกจากเรือนมาบวชเป็นบรรชิต ถูกเขาถามว่า ท่านเป็นพวกไหนดังนี้ พึงตอบเขาว่า พวกเราเป็นพวกพระสมณะศากยะบุตรดังนี้ ดูก่อนวาเสฏฐะและภารทวาชะ ก็ผู้ใดแลมีศรัทธาในพระตถาคตตั้งมั่น เกิดแต่มูลราก ตั้งมั่นอย่างมั่นคง อันสมณพราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ ในโลกให้เคลื่อนย้ายไม่ได้ ควรจะเรียกผู้นั้นว่า
"พวกเราเป็นบุตร เกิดจากปากของพระผู้มีพระภาคเจ้า เกิดจากพระผู้มีพระภาคเจ้า(พระธรรม) พระผู้มีพระภาคเจ้า(พระธรรม) เนรมิตขึ้นมา เป็นทายาทของพระผู้มีพระภาคเจ้า(พระธรรม) "
ข้อความนี้ชี้ชัดเลยว่าพระบุตร คือพระอรหันต์เท่านั้น
ก็ผู้ใดแลมีศรัทธาในพระตถาคตตั้งมั่น เกิดแต่มูลราก ตั้งมั่นอย่างมั่นคง อันสมณพราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ ในโลกให้เคลื่อนย้ายไม่ได้ ควรจะเรียกผู้นั้นว่า “พวกเราเป็นบุตร”
แต่บางท่านอาจจะตีความเป็นอย่างอื่นได้เหมือนกันว่า ผู้ที่บรรลุโสดาบันหรือสูงกว่าขึ้นไปถือว่าเป็นพระบุตรเหมือนกัน แต่ไม่ใช่พวกแก๊งค์หัวโล้นคลุมผ้าเหลืองแน่ เนื่องจากพวกนี้ไม่ปฏิบัติอะไรให้ถึงแก่น ใจจึงสั่นคลอนได้
ส่วนพระพุทธเจ้านอกจากเป็นพระธรรมแล้ว ยังเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดด้วย ดูข้อความนี้ครับ
เกิดจากปากของพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะคำว่า " ธรรมกาย " ก็ดี " พรหมกาย " ก็ดี " ธรรมภูต " ก็ดี " พรหมภูต " ก็ดี เป็นชื่อของตถาคต
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้บรรลุอรหันต์ เช่น หลวงตามหาบัว ท่านเทศน์ว่า พระรัตนตรัยเป็นหนึ่งเดียวกัน
" มหาวิมุตติ มหานิพพาน หรือธรรมธาตุนะ ...เป็นธรรมแท้ ธรรมธาตุ เป็นหนึ่งเดียวกัน.... พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ยังไง ก็มันเป็นแล้วนั่นน่ะ มันมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน..."
และพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมหาเถระ ก็เทศน์ด้วยว่า
"สรณะทั้ง ๓ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มิได้เสื่อมสูญอันตรธานไปไหน ยังปรากฏอยู่แก่ผู้ปฏิบัติเข้าถึงอยู่เสมอ ผู้ใดยึดถือเป็นที่พึ่งของตนแล้ว ผู้นั้นจะอยู่ในกลางป่า หรือเรือนว่างก็ตาม สรณะทั้งสามก็ปรากฏแก่เราอยู่ทุกเมื่อ"
ด้วยเหตุนี้ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่เป็นพระรัตนตรัย และเป็นหนึ่งเดียวกัน มิได้เสื่อมสูญอันตรธานไปไหน ยังปรากฏอยู่แก่ผู้ปฏิบัติเข้าถึงอยู่เสมอ จึงหมายถึงผู้ที่เข้าถึงความบริสุทธิ์สูงสุด คือ พระนิพพาน เท่านั้น
มี พระพุทธ เป็น พ่อ
มี พระธรรม เป็น แม่
มี พระสงฆ์ เป็น พี่น้อง
แต่พระนายไม่รู้ว่าพระพุทธผู้พ่อเป็นใคร พระธรรมผู้แม่เป็นใคร พระสงฆ์ผู้เป็นพี่น้องเป็นใคร
ตอบ พระพุทธเจ้าเป็นตถาคตผู้สอนทางให้เข้าถึงพระนิพพาน/พระรัตนตรัย ท่านไม่ใช่พระพุทธแต่อย่างใด ศาสนาอื่นๆทั้งหมดเขาหาพระพุทธเจอตั้งนานแล้ว แต่ศาสนาพุทธหาพระพุทธไม่เจอ ซ้ำยังไปบอกว่าศาสนาพุทธไม่มีพระพุทธเสียอีก
พระพุทธ คือ จิตพุทธะ หรือ องค์พระผู้เป็นเจ้าที่เป็นพระบิดา มหายานเรียกว่า "อาทิพุทธ หรืออาทิพุทธเจ้า" พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ โดยเฉพาะพระพุทธเจ้าที่เป็นมนุษย์ ต่างล้วนเป็นอวตารของอาทิพุทธเจ้า ซึ่งเป็นพระบิดา
พระธรรม คือ พระพุทธเจ้าที่เป็นตถาคต ผู้สอนทางให้จิตสังขารทุกดวงในทุกภพภูมิสามารถกลับนิพพานบ้านเดิมของตัวเองได้ พระธรรมหรือตถาคตเป็นเหมือนแม่ เนื่องจากไม่มีพระธรรมเราก็หาทางพบตัวเราเองได้ลำบากมากๆว่า เราต่างก็เป็น(อณูหนึ่งของ)พระเจ้าหรือพุทธะเหมือนกัน
หลักฐานว่าพระพุทธเจ้าเป็นพระธรรม
1. หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ เทศน์ว่า "ธรรมนั้นคือ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า"
เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้ตรัสรู้พระธรรม พระธรรมได้เสกสรรปั้นให้พระองค์เป็นพระ
สัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อบุคคลเรา ระลึกถึงพระองค์ ท่านก็ควรระลึกถึงพระธรรม……..ได้เข้าถึง
ธรรมกาย คือ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ”
2. หลวงพ่อชา สุภัทโท เทศน์ว่า "...พระธรรมนั้นแหละเรียกว่า พระพุทธเจ้า "
พระองค์จึงตรัสว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา" แสดงว่าพระพุทธเจ้าก็คือพระธรรม และพระธรรมก็คือพระพุทธเจ้า
3. หลวงตามหาบัว เทศน์ว่า "ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นชื่อว่าเห็นเราตถาคต ตถาคตแท้ ๆ คือธรรม".......
ยิ่งกว่านี้ พระพุทธองค์ยังตรัสกับพระวักกลิว่า
" .... ผู้ใดแลเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเห็นเรา ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเห็นธรรม "
พร้อมทั้งทรงยืนยันกับพระวักกลิว่า
“ วักกลิ เป็นความจริง บุคคลเห็นธรรมก็ย่อมเห็นเรา บุคคลเห็นเราก็ย่อมเห็นธรรม “
มี พระธรรม เป็น แม่
มี พระสงฆ์ เป็น พี่น้อง
แต่พระนายไม่รู้ว่าพระพุทธผู้พ่อเป็นใคร พระธรรมผู้แม่เป็นใคร พระสงฆ์ผู้เป็นพี่น้องเป็นใคร
ตอบ พระพุทธเจ้าเป็นตถาคตผู้สอนทางให้เข้าถึงพระนิพพาน/พระรัตนตรัย ท่านไม่ใช่พระพุทธแต่อย่างใด ศาสนาอื่นๆทั้งหมดเขาหาพระพุทธเจอตั้งนานแล้ว แต่ศาสนาพุทธหาพระพุทธไม่เจอ ซ้ำยังไปบอกว่าศาสนาพุทธไม่มีพระพุทธเสียอีก
พระพุทธ คือ จิตพุทธะ หรือ องค์พระผู้เป็นเจ้าที่เป็นพระบิดา มหายานเรียกว่า "อาทิพุทธ หรืออาทิพุทธเจ้า" พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ โดยเฉพาะพระพุทธเจ้าที่เป็นมนุษย์ ต่างล้วนเป็นอวตารของอาทิพุทธเจ้า ซึ่งเป็นพระบิดา
พระธรรม คือ พระพุทธเจ้าที่เป็นตถาคต ผู้สอนทางให้จิตสังขารทุกดวงในทุกภพภูมิสามารถกลับนิพพานบ้านเดิมของตัวเองได้ พระธรรมหรือตถาคตเป็นเหมือนแม่ เนื่องจากไม่มีพระธรรมเราก็หาทางพบตัวเราเองได้ลำบากมากๆว่า เราต่างก็เป็น(อณูหนึ่งของ)พระเจ้าหรือพุทธะเหมือนกัน
หลักฐานว่าพระพุทธเจ้าเป็นพระธรรม
1. หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ เทศน์ว่า "ธรรมนั้นคือ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า"
เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้ตรัสรู้พระธรรม พระธรรมได้เสกสรรปั้นให้พระองค์เป็นพระ
สัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อบุคคลเรา ระลึกถึงพระองค์ ท่านก็ควรระลึกถึงพระธรรม……..ได้เข้าถึง
ธรรมกาย คือ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ”
2. หลวงพ่อชา สุภัทโท เทศน์ว่า "...พระธรรมนั้นแหละเรียกว่า พระพุทธเจ้า "
พระองค์จึงตรัสว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา" แสดงว่าพระพุทธเจ้าก็คือพระธรรม และพระธรรมก็คือพระพุทธเจ้า
3. หลวงตามหาบัว เทศน์ว่า "ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นชื่อว่าเห็นเราตถาคต ตถาคตแท้ ๆ คือธรรม".......
ยิ่งกว่านี้ พระพุทธองค์ยังตรัสกับพระวักกลิว่า
" .... ผู้ใดแลเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเห็นเรา ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเห็นธรรม "
พร้อมทั้งทรงยืนยันกับพระวักกลิว่า
“ วักกลิ เป็นความจริง บุคคลเห็นธรรมก็ย่อมเห็นเรา บุคคลเห็นเราก็ย่อมเห็นธรรม “
พระสงฆ์ คือ สาวกที่เป็นอรหันต์ และอรหันต์โพธิสัตว์ สามารถกลับนิพพานบ้านเดิมของตัวเองได้แล้ว แต่ที่ต้องช่วยนำจิตสังขารอื่นกลับนิพพานด้วย เนื่องจากพวกเราเป็นพี่น้องกัน หมายความว่าพวกเราทุกจิตล้วนเป็นอณูหนึ่งๆขององค์พระผู้เป็นเจ้า, พุทธะ ที่เป็นพระบิดา + พุทธะ ที่เป็นมารดา(ตถาคต)
หลักฐานในพระไตรปิฎกว่า พระพุทธเจ้าเป็นแม่ พวกเราเป็นลูก
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนวาเสฏฐะและภารทวาชะ เธอทั้งหลายแล มีชาติเกิดต่างกัน มีชื่อต่างกัน มีโคตรต่างกัน ออกจากเรือนมาบวชเป็นบรรชิต ถูกเขาถามว่า ท่านเป็นพวกไหนดังนี้ พึงตอบเขาว่า พวกเราเป็นพวกพระสมณะศากยะบุตรดังนี้ ดูก่อนวาเสฏฐะและภารทวาชะ ก็ผู้ใดแลมีศรัทธาในพระตถาคตตั้งมั่น เกิดแต่มูลราก ตั้งมั่นอย่างมั่นคง อันสมณพราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ ในโลกให้เคลื่อนย้ายไม่ได้ ควรจะเรียกผู้นั้นว่า
"พวกเราเป็นบุตร เกิดจากปากของพระผู้มีพระภาคเจ้า เกิดจากพระผู้มีพระภาคเจ้า(พระธรรม) พระผู้มีพระภาคเจ้า(พระธรรม) เนรมิตขึ้นมา เป็นทายาทของพระผู้มีพระภาคเจ้า(พระธรรม) "
ข้อความนี้ชี้ชัดเลยว่าพระบุตร คือพระอรหันต์เท่านั้น
ก็ผู้ใดแลมีศรัทธาในพระตถาคตตั้งมั่น เกิดแต่มูลราก ตั้งมั่นอย่างมั่นคง อันสมณพราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ ในโลกให้เคลื่อนย้ายไม่ได้ ควรจะเรียกผู้นั้นว่า “พวกเราเป็นบุตร”
แต่บางท่านอาจจะตีความเป็นอย่างอื่นได้เหมือนกันว่า ผู้ที่บรรลุโสดาบันหรือสูงกว่าขึ้นไปถือว่าเป็นพระบุตรเหมือนกัน แต่ไม่ใช่พวกแก๊งค์หัวโล้นคลุมผ้าเหลืองแน่ เนื่องจากพวกนี้ไม่ปฏิบัติอะไรให้ถึงแก่น ใจจึงสั่นคลอนได้
ส่วนพระพุทธเจ้านอกจากเป็นพระธรรมแล้ว ยังเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดด้วย ดูข้อความนี้ครับ
เกิดจากปากของพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะคำว่า " ธรรมกาย " ก็ดี " พรหมกาย " ก็ดี " ธรรมภูต " ก็ดี " พรหมภูต " ก็ดี เป็นชื่อของตถาคต
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้บรรลุอรหันต์ เช่น หลวงตามหาบัว ท่านเทศน์ว่า พระรัตนตรัยเป็นหนึ่งเดียวกัน
" มหาวิมุตติ มหานิพพาน หรือธรรมธาตุนะ ...เป็นธรรมแท้ ธรรมธาตุ เป็นหนึ่งเดียวกัน.... พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ยังไง ก็มันเป็นแล้วนั่นน่ะ มันมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน..."
และพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมหาเถระ ก็เทศน์ด้วยว่า
"สรณะทั้ง ๓ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มิได้เสื่อมสูญอันตรธานไปไหน ยังปรากฏอยู่แก่ผู้ปฏิบัติเข้าถึงอยู่เสมอ ผู้ใดยึดถือเป็นที่พึ่งของตนแล้ว ผู้นั้นจะอยู่ในกลางป่า หรือเรือนว่างก็ตาม สรณะทั้งสามก็ปรากฏแก่เราอยู่ทุกเมื่อ"
ด้วยเหตุนี้ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่เป็นพระรัตนตรัย และเป็นหนึ่งเดียวกัน มิได้เสื่อมสูญอันตรธานไปไหน ยังปรากฏอยู่แก่ผู้ปฏิบัติเข้าถึงอยู่เสมอ จึงหมายถึงผู้ที่เข้าถึงความบริสุทธิ์สูงสุด คือ พระนิพพาน เท่านั้น
0 comments:
แสดงความคิดเห็น