A A

5 กรกฎาคม 2558

เมื่อไรคุณเข้าใจนามรูปถึงแก่น เมื่อนั้นคุณก็เข้าใจเรื่องธรรมะทั้งหมด

ธรรมหรือธรรมะคือ ... ความจริง... ผู้เข้าใจธรรมะ คือผู้รู้ความจริงว่า ธรรมะ มีทั้งระดับโลก(โลกียะ) และระดับเหนือโลก(โลกุตตระธรรม)  และมีเพียง 2 สิ่งเท่านั้นที่เป็นความจริงในทุกระดับ  สิ่งนั้น คือ นาม(ธรรม) และรูป(ธรรม)  ถ้าเรียกเป็นภาษาสมัยใหม่  นาม+รูป = พลังงาน+สสาร

รูป  หมายถึง  สภาพที่ไม่รู้อารมณ์ และพร้อมแตกดับเสื่อมสลายไปเป็นสิ่งอื่นได้
นาม  หมายถึง  สภาพรู้  ธาตุรู้  อาการรู้  เช่น  ความรู้สึกต่างๆ  ความคิดนึกรู้ต่างๆ 
    
 สภาพรู้  หรือ  ธาตุรู้ นั้น มันส่งความรู้ไปไหน  ก็ไปที่จิต  แต่ระดับของจิตก็สามารถเข้าถึงความรู้ได้ไม่เท่ากัน  จิตที่เข้าถึงความรู้ระดับความสุขอย่างยิ่งยวดถาวรได้ คือ จิตของผู้ละกิเลสตัณหาออกได้ทั้งหมด 
 ส่วนจิตสังขารของมนุษย์ทั่วไป  ไม่สามารถเข้าถึงความรู้ระดับความสุขอย่างยิ่งยวดถาวรได้

มาเข้าใจนามรูป (นาม + รูป) ให้กระจ่างได้แล้ว

เมื่อรูป  หมายถึง  สภาพที่ไม่รู้อะไร  รูปจึงไม่มีความรู้สึก  รูปจึงไม่เจ็บ  รูปจึงไม่ทุกข์  ความรู้สึกและความทุกข์สุขนั้นอยู่ที่ตัว...นาม  เพราะนามเป็น ธาตุรู้ นั่นเอง

เมื่อนามรูป (นาม + รูป)ของมนุษย์ แตกสลายไป  มันไม่ได้แตกสลายไปจริงๆ  แต่มันเปลี่ยนสภาพนามรูปเดิม  กลายเป็นนามรูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า "นามกาย"
 หรือ กายของเปรต กายของเทวดา กายของพรหม และกายของผู้ที่อยู่ในปรโลก(โลกวิญญาณ)

พูดง่ายๆ  ไม่มีใครตายจริงสักรายเดียว  มีแต่เปลี่ยนสภาพจาก(นาม + รูป)ของมนุษย์ไปเป็น(นาม + รูป)ของภพภูมิอื่นๆ   เพราะอะไรรู้ไหมครับ??  เพราะนามรูปคือ พลังงานและสสาร  แล้ว พลังงานและสสารย่อมไม่มีวันสูญสลายไปได้  มีแต่เปลี่ยนกลับไปกลับมา หรือเปลี่ยนสภาพเป็นอย่างอื่นได้เท่านั้นเอง

พลังงานและสสาร คือ นาม+รูป  นอกจากจะวนเวียนอยู่ในโลกและจักรวาล หรือ ในสังสารวัฏแล้ว  พลังงานและสสาร(นาม+รูป)ก็สามารถเปลี่ยนไปอยู่ในที่เหนือโลก คือ เมืองนิพพาน(สวรรค์นิรันดร)ได้ด้วย   พระพุทธเจ้าของเราจึงแยกว่า มันมีฝั่งโน้น และฝังนี้

ฝั่งโน้น และฝังนี้

ดูก่อนพราหมณ์ มิจฉาทิฎฐิเป็นฝั่งนี้ สัมมาทิฎฐิเป็นฝั่งโน้น .......  ฝั่งที่พวกเราอยู่คือ โลกมนุษย์และภพภูมิอื่นๆ ซึ่งเป็นฝั่งมิจฉาทิฎฐิ  คือ
 ฝั่งนี้  ส่วนฝั่งเมืองนิพพาน(สวรรค์นิรันดร) คือ ฝั่งโน้น  ซึ่งเป็นฝั่งของผู้มีสัมมาทิฎฐิเขาอยู่กัน

ฝั่งโน้น = ฝั่งที่เกษม เป็นฝั่งที่ปลอดภัยจากกิเลสและความทุกข์ทั้งปวง 

ฝั่งนี้ =  ฝั่งสังสารวัฏ

ดูก่อนพราหมณ์ นี้แลเป็นฝั่งนี้ นี้เป็นฝั่งโน้น....
 ในหมู่มนุษย์ เหล่าชนผู้ไปถึงฝั่งโน้นมีประมาณน้อย ส่วนหมู่สัตว์นอกนี้เลาะไปตามฝั่งทั้งนั้น ส่วนชนเหล่าใดประพฤติตามธรรมในธรรม อันพระตถาคตตรัสแล้วโดยชอบ ชนเหล่านั้นจักข้ามพ้นวัฏฏะ อันเป็นบ่วงมารที่ข้ามพ้นได้แสนยาก แล้วจักถึงฝั่งโน้น คือ นิพพาน

ฝั่งโน้น คือ นิพพาน หรือเมืองนิพพาน  เป็นฝั่งที่นามรูป (นาม + รูป) ในสังสารวัฏ  กลายสภาพเป็นนามรูป (นาม + รูป) ในเมืองนิพพาน  แล้วพระพุทธเจ้าของเราก็เปลี่ยนชื่อเรียกนามรูป (นาม + รูป) ในเมืองนิพพานใหม่ว่า "ธรรมกาย"  = ธรรม+กาย หรือ อายตนะนิพพาน

ธรรม = นาม  แต่เป็นนามที่มหาบริสุทธิ์  ผิดกับนามของโลก(โลกียะ)  ซึ่งเป็นนาม ที่ไม่บริสุทธิ์  ถูกมารหรืออวิชชาครอบงำอยู่

ส่วนกายก็คือรูปเฉยๆ

สรุป และ เพิ่มเติม

นามรูป (นาม+รูป) มี
 3 ส่วน 
1.
 นามรูป ของมนุษย์ คือ ขันธ์ 5
2.
 นามรูป ของเปรต เทวดา พรหม ในปรโลก 
3.
 นามรูป ของผู้ที่ในเมืองนิพพานที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสังสารวัฏ = ธรรมกาย  
4.
 นามรูป ของผู้ที่ในเมืองนิพพานที่ยุ่งเกี่ยวกับสังสารวัฏ = กายทิพย์สัมโภคกาย หรือพระโพธิสัตว์อรหันต์ เช่น เจ้าแม่กวนอิม
5.
 นามรูป ของผู้ที่ไม่ต้องการใช้รูปอีกแล้ว  อยู่เป็นจิตเฉยๆที่ไมมีรูป เป็นอรูปจิต หรือ เป็นตัว "ธรรม" อย่างเดียว ไม่มีกายธรรม เรียกว่า"ปรินิพพาน" 

0 comments:

แสดงความคิดเห็น